ดูบทความ
ดูบทความเพิ่มเสน่ห์ฟันขาว
เพิ่มเสน่ห์ฟันขาว
หมวดหมู่:
KNOWLEDGE
"เพิ่มเสน่ห์ฟันขาว"
ชั่วชีวิตคนเรากินอาหารมานับไม่ ถ้วน ไหนจะสารพัดเครื่องดื่มทั้งร้ อนและเย็น แต่คุณผู้อ่านทราบไหมว่า อาหารและเครื่องดื่มที่ถูกส่งผ่ านเข้าสู่ร่างกายนั้นนอกจากจะมี ส่วนในการทำให้ร่างกายเราอ้ วนผอมหรือสุขภาพดีแล้ว ยังมีผลอย่างมากกับฟันขาวๆ ของเราอีกด้วย ฟันจะขาวไม่ขาวเครื่องดื่มถื อเป็นตัวแปรสำคัญทีเดียว และเหตุที่เราต้องให้ความสำคั ญกับเรื่องนี้ก็เพราะสีฟันถื อเป็นตัวเสริมบุคลิกภาพอย่างหนึ่งของคนทุกคนเลยเชียว เพราะหากส่งยิ้มแล้วมองเห็นฟั นหมองเป็นสีเหลืองไม่ขาวสะอาดก็ ดูจะไม่น่ามองเอาเสียเลย
โดยพื้นฐานแล้วคุณผู้อ่ านคงพอทราบว่าเครื่องดื่มยอดนิ ยมทั้งหลายล้วนเป็นสาเหตุหลั กในการแปรสภาพฟันจากสีขาวให้ กลายเป็นสีเหลืองได้ ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์แดง เรื่อยไปจนถึงการสูบบุหรี่ เหล่านี้จะทำให้สีฟันของเราค่ อยๆ เปลี่ยนไป แต่รู้ทั้งรู้ก็ยังน้อยนักที่ เลิกดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ได้ ยิ่งสิงห์อมควันด้วยแล้วดูจะเลิ กยาก ฉะนั้นผู้ที่มีปัญหาเรื่องสีฟั นจึงมองหาทางออกในการรักษาบุคลิ กภาพจากรอยยิ้มด้วยการฟอกสีฟัน จนเกิดเป็นคำถามให้ได้ยินอยู่บ่ อยๆ ว่า “การฟอกสีฟันดีไหม” “ฟอกสีฟันแล้วจะทำให้ผิวฟันสึ กหรือเปล่า” “ฟอกสีฟันแล้วฟันจะกลับมาเหลื องอีกไหม” นานาคำถามเหล่านี้ Check Health จะอธิบายให้คุณผู้อ่านได้รับฟั งก่อนตัดสินใจไปฟอกสีฟันเป็ นรายต่อไป
การฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟั นขาวสดใสอยู่ได้ประมาณ 1-3 ปี เพราะสุดท้ายแล้วสีฟันก็จะกลั บมาเป็นสีเดิมในภายหลัง แต่จะช้าเร็วก็อยู่ที่เจ้ าของจะดูแลรักษาฟันของตัวเองอย่ างไร เนื่องจากเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงวัยและการสูบบุหรี่ก็ยั งมีผลอยู่ดีในการทำให้สีฟันเปลี ่ยนไป ส่วนการฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์นั้ นทันตแพทย์ก็จะมีข้อยกเว้นสำหรั บการทำในเด็กหรือหญิงมีครรภ์ รวมถึงคุณแม่ที่ยังต้องให้นมลู กน้อยทันตแพทย์ก็จะพิจารณาเป็ นรายไป
หากคุยกับทันตแพทย์ในเรื่องสีฟั นที่เปลี่ยนไปเราอาจได้รับฟั งเหตุผลว่านอกจากเรื่องเครื่ องดื่มแล้วสีฟันของคนเราก็เปลี่ ยนแปลงไปตามช่วงอายุเหมือนกับสี ผิวและสีผมของเรานั่นเอง ถือเป็นกระบวนการเปลี่ ยนแปลงตามธรรมชาติที่จะเกิดขึ้ นได้เมื่อมีอายุมากขึ้น รวมถึงปริมาณแบคทีเรียและคราบหิ นปูนที่ถูกสะสมไว้นานก็นับเป็ นสาเหตุของสีฟันที่เปลี่ยนไปด้ วย อีกสาเหตุก็คือการใช้ยาปฏิชี วนะจำพวกเตตร้าซัยคลินเป็ นระยะเวลานานตั้งแต่เด็กก็มี ผลต่อสีของฟันและสีของกระดูกอยู ่เหมือนกัน

แต่ไม่ว่าสีฟันจะเปลี่ยนไปด้ วยสาเหตุใดก็ตามการฟอกสีฟันก็ยั งเป็นความต้องการของคนอี กจำนวนมากที่ต้องการเสริมบุคลิ กและสร้างความมั่นใจให้น่ ามองเกิดความประทับใจแรกเจอ อันดับแรกเมื่อคุณผู้อ่านตัดสิ นใจจะฟอกสีฟันควรพบทันตแพทย์เพื ่อให้ประเมินลักษณะและเฉดสีฟั นที่เป็นธรรมชาติของแต่ละคนก่ อนจะแนะนำวิธีฟอกสีฟันที่ เหมาะสม เพราะมีวิธีการและผลิตภัณฑ์ สำหรับฟอกสีฟันอยู่มากมาย
การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์นั้นมี ทั้งการใช้เลเซอร์ การใช้เจลและสารฟอกสีฟันอื่นๆ ในกรณีการใช้เจลหรือสารฟอกสีฟั นอาจต้องรับการฟอกมากกว่า 1 ครั้ง และทันตแพทย์อาจจัดชุดฟอกฟันให้ มาทำเองที่บ้านหลังจากนั้น ในขั้นตอนการฟอกสีฟันด้วยเจลทั นตแพทย์จะพิมพ์ฟันเพื่อขึ้นรู ปเป็นถาดรองเจลสำหรับแช่ฟันไว้ ตามระยะเวลาที่กำหนด บางวิธีแพทย์อาจใช้สารไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ความเข้มข้นสูงประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์เป็นตัวช่วยฟอกสี
ส่วนการใช้เลเซอร์ฟอกฟันนั้น ก่อนนี้มีการใช้แสงสีฟ้ าจากหลอดฮาโลเจนในการฟอกที่จะต้ องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงและทำให้เกิดความร้ อนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะทำ แต่มาปัจจุบันแพทย์จะใช้เลเซอร์ ชนิดที่เรียกว่า Diode Laser ซึ่งเป็นพลังงานแสงที่ให้ความร้ อนต่ำมากเข้าไปกระตุ้นน้ ำยาฟอกสีฟันเพื่อให้เกิดปฏิกิริ ยาเคมีทำให้สีฟันขาวขึ้ นในเวลาเพียง 30-45 นาทีเท่านั้น และมีความปลอดภัยสูง อาการเสียวฟันที่มักเกิดตามมาจึ งมีไม่มากเท่าวิธีอื่นๆ

แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด ก่อนเข้ารับการฟอกสีฟันทั นตแพทย์จะตรวจสุขภาพฟัน หากยังไม่ได้ขูดหินปูน มีฟันผุ หรือมีสภาพเหงือกร่นก็ต้องดำเนิ นการรักษาเสียก่อน และหลังจากฟอกสีฟันแล้วช่วง 2-3 วันแรกอาจจะต้องทนรับอาการเสี ยวฟันอย่างต่อเนื่อง ทั้งกินข้าวกินน้ำ แปรงฟัน แม้กระทั่งมีลมพัดผ่านเข้าปากก็ ยังเสียวฟัน เลยด้วย
ส่วนที่ต้องเตือนก็คือการซื้อชุ ดฟอกฟันมาทำเองที่บ้านโดยไม่ปรึ กษาทันตแพทย์นั้นอาจมีผลเสี ยระยะยาวกับทั้งฟันและเหงือกได้ บางรายสั่งซื้ออุปกรณ์และน้ ำยาฟอกสีฟันที่ขายผ่านอินเตอร์ เน็ตไปทำเองสุดท้ายเนื้อเยื่ออ่ อนภายในปากรวมทั้งเหงือกก็อั กเสบเกิดแผลในช่องปาก และสุดท้ายที่ต้องเตือนคือสู ตรเบกกิ้งโซดาผสมน้ำมะนาวที่ จะนำมาขัดฟันให้ขาวนั้นไม่ ปลอดภัยเลย ด่างในเบกกิ้งโซดาและกรดในน้ ำมะนาวอาจมีฤทธิ์ขัดผิวฟันให้ดู ขาวขึ้น แต่นั่นอาจเป็นการกัดผิวฟันให้ กร่อนได้ซึ่งต้องระมัดระวังเป็ นอย่างมาก
ฉะนั้นสุดท้ายแล้วเข้าพบทั นตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ ประเมินสีฟั นของเราและวางแนวทางการฟอกสีฟั นอย่างเป็นขั้นตอนย่อมดี และปลอดภัยกว่าแน่นอน
11 พฤษภาคม 2560
ผู้ชม 3644 ครั้ง
แสดงความคิดเห็น